สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ Office of The National Broadcasting and Telecommunications Commission
ขอแนะนำโครงการศึกษาเพื่อพัฒนาระบบตรวจสอบการใช้คลื่นความถี่ สำหรับเครื่องวิทยุคมนาคมที่ใช้กำลังส่งต่ำ โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ซึ่งได้รับการส่งเสริมสนันสนุบเงินของ กทปส. โดยโครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและรวบรวมข้อมูลของระบบตรวจสอบการใช้คลื่นความถี่สำหรับเครื่องวิทยุคมนาคมที่ใช้กำลังส่งต่ำและพัฒนาระบบตรวจสอบการใช้คลื่นความถี่ฯ เพื่อนำผลจากการวิจัยทั้งหมดของโครงการมาสร้างระบบต้นแบบนำไปใช้งานจริงได้ตรงตามความต้องการของสำนักงาน กสทช. เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของระบบตรวจสอบการใช้คลื่นความถี่ฯ ที่ได้พัฒนาขึ้น โดยการดำเนินงาน 1. ออกแบบการวัดตรวจสอบสัญญาณในพื้นที่อย่างอิสระ (Stand Alone) ให้ทำงานร่วมกันในลักษณะของโครงข่าย (Network) ภายในพื้นที่ที่กำหนด 2.ออกแบบให้ทำงานร่วมกันซึ่งใช้หลักการทำงานในลักษณะของ RF Measuring Sensor Network ให้ทำงานแบบ Stand Alone เพื่อเป็นชุดอุปกรณ์ต้นแบบสำหรับการวัดตรวจสอบการใช้คลื่นความถี่ฯ ของแต่ละชุด แล้วนำไปติดตั้งประกอบในรถยนต์เพื่อให้เคลื่อนที่รวดเร็ว รวมทั้งชุดอุปกรณ์สำหรับวัดตรวจสอบสัญญาณความถี่วิทยุแบบพกพาพร้อมสายอากาศอัตราขยายสูงแบบมีทิศทางและตำแหน่งของแหล่งกำเนิดสัญญาณตามความถี่ที่ระบุได้ ซึ่งใช้ระบบค้นหาตำแหน่งด้วยดาวเทียม (Global Positioning System: GPS) 3. พัฒนา Software เพื่อรองรับข้อมูลที่ถูกส่งผ่านมาจากชุดอุปกรณ์ต้นแบบ แต่ละชุดนำมาวิเคราะห์และนำผลลัพธ์สุดท้ายมาแสดงบนอุปกรณ์แสดงผล เมื่อสิ้นสุดโครงการฯ ดังกล่าว สำนักงาน กสทช. นำข้อมูลของระบบตรวจสอบการใช้คลื่นความถี่สำหรับเครื่องวิทยุคมนาคมที่ใช้กำลังส่งต่ำที่มีการใช้งานหรือมีการวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงระบบตรวจสอบการใช้คลื่นความถี่สำหรับเครื่องวิทยุคมนาคมที่ใช้กำลังส่งต่ำรูปแบบของ RF Measuring Sensor เพื่อใช้ทำการตรวจสอบด้วยตัวเองแบบ Stand Alone ในรูปแบบของ Network จำนวน 4 ชุด พร้อม Application Software ตามที่ กสทช. กำหนดมาแสดงบนอุปกรณ์แสดงผลได้ทั้งระดับส่วนกลาง ภูมิภาค และบุคคล อีกทั้งสนับสนุนสำหรับการติดตั้งและการใช้งานระบบตรวจสอบการใช้คลื่นความถี่ฯ ในรถยนต์ขนาดเล็กที่พัฒนาขึ้นมาใช้ตรวจสอบการใช้คลื่นความถี่ฯ ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการใช้คลื่นความถี่ที่มีการรบกวนซึ่งกันและกันและเป็นข้อมูลแนวทางการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาต่อไป